สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ขอสรุปสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.ช่วงวันที่ 2 – 3 มี.ค.2563 มีผู้ป่วยรายใหม่ติดเชื้อเพิ่มจำนวน 21 ราย ทำให้ฝรั่งเศสมียอดผู้ป่วยสะสม รวมจำนวน 212 ราย (ณ วันที่ 3 มี.ค. เวลา 16.00 น.) โดยมีผู้เสียชีวิต 4 ราย รักษาหายแล้ว 12 ราย ทั้งนี้ ผู้ที่เสียชีวิตรายล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2563 เป็นชายอายุ 92 ปี จาก จ. Morbihan ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมากที่สุดในฝรั่งเศส
2.ปัจจุบัน มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ในทุกแคว้นของฝรั่งเศส metropolitan ยกเว้นแคว้น Corse (เกาะคอร์ซิกา) และมีพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมากที่สุดในฝรั่งเศสเพิ่มอีก 1 พื้นที่ ได้แก่ เมือง Mulhouse แคว้น Grand Est (เพิ่มจาก จ. Oise, Haute Savoie และ Morbihan) โดยผู้ป่วย 7 ราย จาก 21 รายที่เพิ่มขึ้นเป็นชาวเมือง Mulhouse ซึ่งได้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ ที่โบสถ์ Porte ouverte ระหว่างวันที่ 17 – 24 ก.พ. 2563 โดยเป็นกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมในแต่ละครั้งกว่า 2,000 คน ทางการฝรั่งเศสจึงขอความร่วมมือให้ประชาชนที่ไปเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวสังเกตอาการตนเองและหากเริ่มมีไข้ ให้ติดต่อแพทย์ผ่านเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินด่วน และโบสถ์ได้ระงับกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ในส่วนของโบสถ์อื่น ๆ ในฝรั่งเศสก็ได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ด้วยโดยได้นำน้ำออกจากอ่างจุ่มน้ำเสก (bénitier) ทั้งหมด และห้ามไม่ให้สัมผัสมือกัน
3.เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2563 ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า รัฐบาลฝรั่งเศสจะเรียกเก็บหน้ากากอนามัยในสต็อกทั้งหมด รวมทั้งหน้ากากอนามัยที่กำลังอยู่ระหว่างการผลิตด้วย เพื่อนำมาแจกจ่ายให้แก่ รพ. ที่รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส บุคลากรทางการแพทย์ แพทย์และพยาบาลที่ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ป่วยติดเชื้อ/ผู้ที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส ทั้งนี้ เนื่องมาจากการที่หน้ากากอนามัยขาดตลาด โดยแพทย์/พยาบาลที่ประกอบอาชีพอิสระสามารถไปขอรับหน้ากากได้ที่ร้านขายยาประจำเมืองรายละ 1 กล่อง (กล่องละ 50 แผ่น) โดยแสดงบัตรสำแดงตนว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์
4.ในส่วนของไทย เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2563 กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งข้อแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของประชาชน รวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ระบาด (ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ) ดังนี้
4.1 กลุ่มที่จำเป็นต้องแยกกักกันหรือสังเกตอาการ ตาม พรบ.โรคติดต่อ ประกอบด้วย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค คือ มีอาการและประวัติมาจากพื้นที่ระบาด ต้องแยกกักอย่างเข้มงวดในโรงพยาบาล และกลุ่มที่ไม่มีอาการแต่เสี่ยงที่จะรับเชื้อจากผู้ป่วยหรือผู้สงสัยว่าป่วย (กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง) ได้แก่ คนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมชั้นเรียน เพื่อนร่วมยานพาหนะ ต้องกักกันตนเองที่บ้าน (Self quarantine at home) อย่างเคร่งครัด 14 วัน งดเที่ยว งดเรียน งดทำงาน แยกของใช้ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ เจ้าหน้าที่จะรับตัวไว้ดูแลตามระบบ
4.2 กลุ่มไม่สัมผัสกับผู้ป่วย ไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยงเนื่องจากเดินทางจากพื้นที่ระบาด (ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ) ขอให้ลดกิจกรรมทางสังคม สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากที่พัก หมั่นล้างมือ อย่าไปในพื้นที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น ให้สังเกตอาการตัวเองที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ พบแพทย์ทันทีพร้อมแจ้งประวัติเดินทาง
4.3 ผู้ที่อยู่ในชุมชนเดียวกับผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยเมื่อไปในที่ชุมชน