สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ขอสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.วันเสาร์ที่ 21 มี.ค.2563 (สถานะเวลา 14.00 น.)
– ยอดผู้ป่วยสะสม จำนวน 14,459 ราย (เพิ่มขึ้น 1,847 ราย) ยังรักษาอยู่ที่ รพ. จำนวน 6,172 คน
– อาการหนัก 1,525 ราย (ร้อยละ 50 มีอายุน้อยกว่า 60 ปี)
– เสียชีวิต 562 ราย (เพิ่มขึ้น 112 ราย)
2.รมว.สาธารณสุขฝรั่งเศสได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวเมื่อเวลา 16.00 น. สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
2.1 เป็นที่แน่นอนว่าจะยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงวันแรก ๆ ของการใช้มาตรการห้ามออกจากที่พัก เนื่องจากต้องใช้เวลาก่อนจะเห็นผล และว่าได้หารือกับสภาแพทย์เกี่ยวกับระยะเวลาที่เหมาะสมของการใช้มาตรการห้ามออกจากที่พักแล้วซึ่งจะทราบผลในวันที่ 23 มี.ค. นี้
2.2 ชี้แจงว่า ขณะที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 นั้น ฝรั่งเศสมีหน้ากากอนามัยจำนวน 117 ล้านชิ้นอยู่ในสต็อกแต่ไม่มีหน้ากากประเภท FFP2 เหลืออยู่เลย (เมื่อ 10 ปีที่แล้วมีหน้ากากอนามัยจำนวน 1 พันล้านชิ้นและหน้ากาก FFP2 จำนวน 600 ล้านชิ้น แต่ไม่มีการจัดซื้อใหม่ระหว่างนั้นเนื่องจาก รมว.สาธารณสุขในขณะนั้นถูกวิจารณ์ว่าใช้งบประมาณสิ้นเปลืองไปกับหน้ากากอนามัย) รัฐบาลจึงได้สั่งนำเข้าจาก ตปท. ตั้งแต่กลางเดือน ม.ค.(ก่อนพบผู้ติดเชื้อใน ฝศ.)และเพิ่มกำลังการผลิตภายในประเทศ ปัจจุบัน ได้สั่งนำเข้าจาก ตปท.กว่า 250 ล้านชิ้น ซึ่งกำลังทยอยได้รับแล้ว กอปรกับภาคเอกชนฝรั่งเศสก็ได้บริจาคหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมให้แก่รัฐบาลด้วย อาทิ ธ. Crédit agricole และกลุ่ม LVMH
2.3โดยที่มีหน้ากากอนามัยจำนวนจำกัด รัฐบาลจึงมียุทธศาสตร์การบริหารจัดการให้มีหน้ากากอนามัยใช้อย่างเพียงพอและเพื่อสามารถปกป้องบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยติดเชื้อได้ตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาดซึ่งยังไม่มีใครทราบว่าจะเป็นระยะเวลานานเท่าใด ทั้งนี้ ตั้งแต่สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.พ. รัฐบาลได้แจกจ่ายหน้ากากอนามัยและหน้ากาก FFP2 ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์แล้ว (ทั้งที่ รพ. แพทย์อิสระ และบ้านพักคนชรา) รวม 70 ล้านชิ้น และขอประณามการขโมยหน้ากากอนามัยใน รพ. หรือในระหว่างการแจกจ่าย
2.4 ชี้แจงถึงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการจำกัดการตรวจเชื้อไวรัส โดยได้ใช้ยุทธศาสตร์เดียวกันกับกรณีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ และเป็นไปตามข้อแนะนำของอียูที่ให้จำกัดการตรวจเชื้อเพียงกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ที่มีอาการติดเชื้อ ผู้สูงอายุที่มีอาการ ผู้ที่มีปัญหาการหายใจอย่างรุนแรง ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยในของ รพ. และผู้ที่อาศัยในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด โดยฝรั่งเศสได้ให้ priority รวมไปถึงสตรีมีครรภ์ ผู้บริจาคอวัยวะ/เซลส์หรือเนื้อเยื่อด้วย ปัจจุบันได้มีการตรวจเชื้อแล้วประมาณ 60,000 ครั้ง และกำลังเพิ่มศักยภาพในการตรวจตามคำแนะนำของ WHO ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับช่วงหลังยกเลิกมาตรการห้ามออกจากที่พักแล้ว โดยรัฐบาลกำลังพัฒนาระบบตรวจเชื้อไวรัสที่ง่ายและสะดวกขึ้นและหวังว่าจะสามารถนำมาใช้ได้ทั่วประเทศในไม่อีกกี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
3.สถานการณ์สำคัญในฝรั่งเศส
3.1 ผลสำรวจคะแนนนิยมประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2563 ปรากฏว่าเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี ถึงร้อยละ 51 โดยครั้งสุดท้ายที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก คือ สมัยประธานาธิบดี François Hollande ช่วงหลังการก่อการร้ายในฝรั่งเศสเมื่อเดือน ม.ค.2558 นอกจากนี้ ร้อยละ 54 ของชาวฝรั่งเศสมีความเชื่อมั่นต่อการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อรับมือกับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19
3.2 เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2563 กองทัพฝรั่งเศสได้ส่งเครื่องบิน A330 Phénix ลำที่สองเพื่ออพยพเพิ่มเติมผู้ป่วยอาการหนักจากเมือง Mulhouse ไปยังแคว้น Aquitaine และกำลังส่งเรือ Le Tonnerre ซึ่งมี รพ. บนเรือเพื่ออพยพผู้ป่วยอาการหนักจากเมือง Ajaccio มารักษาที่ รพ.ในแถบ Côte d’Azur คาดว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้ประมาณ 12-14 รายในวันที่ 22 มี.ค. นอกจากนี้ กองทัพกำลังเร่งการติดตั้งระบบและอุปกรณ์จำเป็นสำหรับ รพ. ทหารนอกสถานที่ (hôpital de campagne)ใกล้ รพ. เมือง Mulhouse คาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ก่อนวันที่ 27 มี.ค.2563
3.3 ถึงแม้ว่ายังไม่มีการประกาศ curfew ทั่วประเทศแต่บางเมืองก็ได้ประกาศบังคับใช้ curfew แล้ว อาทิ เมือง Menton (ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. เวลา 21.00 – 05.00 น. ยกเว้นบุคลากรทางการแพทย์ จนท. กู้ภัย จนท. ตร. พนักงานทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะและผู้อื่นที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง) เมืองNice (ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. เวลา 23.00 – 05.00 น. ยกเว้นบุคลากรทางการแพทย์และ จนท. ด้านสังคมซึ่งดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้) เมือง Béziers (ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. เวลา 22.00 – 05.00 น.) และเมือง Perpignan (ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. เป็นเวลา 15 วัน รว. เวลา 20.00 – 06.00 น.)
3.4 สหพันธ์การสื่อสารโทรคมนาคมฝรั่งเศส (la Fédération française des télécoms) ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่การแถลงทางโทรทัศน์ของประธานาธิบดีฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2563 ปรากฏว่ามีผู้ใช้งานเครือข่าย Internet และระบบโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ทำงานจากที่พักเพิ่มขึ้นถึง 9 เท่า มีผู้ใช้โทรศัพท์และ vdo conference เพิ่มขึ้น 3 เท่า การสื่อสารผ่าน WhatsApp และ Messenger เพิ่มขึ้น 5 เท่า โดยเป็นการใช้งานอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน แต่ให้ความมั่นใจว่ายังไม่มีปัญหาของระบบและมีวิศวกรและ จนท. พร้อมแก้ไขปัญหาระบบกว่า 15,000 ราย ทั้งนี้ โดยที่การชมวีดีโอและภาพยนตร์เป็นกิจกรรมที่กินพื้นที่ bandwidth มากที่สุด อียูจึงได้ขอให้ผู้ให้บริการลดคุณภาพของวีดีโอทาง Internet เป็นการชั่วคราว ซึ่ง Netflix และ Youtube ได้ดำเนินการแล้ว