สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ขอสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.วันอังคารที่ 24 มี.ค.2563 (สถานะเวลา 14.00 น.)
– ยอดผู้ป่วยสะสม จำนวน 22,300 ราย (เพิ่มขึ้น 2,444 ราย) รักษาอยู่ที่ รพ.จำนวน 10,176 ราย รักษาหายและออกจาก รพ.แล้ว จำนวน 3,281 ราย และกว่า 12,000 รายไม่ต้องเข้ารับการรักษาที่ รพ.และหายจากการป่วยได้เอง
– อาการหนัก 2,516 ราย (ร้อยละ 34 อายุน้อยกว่า 60 ปี และร้อยละ 58 อายุระหว่าง 60 – 80 ปี)
– เสียชีวิต 1,100 ราย (เพิ่มขึ้น 240 ราย โดยร้อยละ 85 อายุมากกว่า 70 ปี)
แคว้นที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด ได้แก่ Île de France, Grand Est, Auvergne Rhône-Alpes, PACA, Bourgogne Franche-Comté, Hauts-de-France, Occitanie, Nouvelle Aquitaine
2. การแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ประจำวัน
2.1 รมว ก. การศึกษาระดับสูง การค้นคว้าและนวัตกรรมฝรั่งเศสได้แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับ คกก.ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และวิจัย (CARE) ที่ทำเนียบประธานาธิบดีว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการรักษา การตรวจสอบการติดเชื้อและวัคซีน รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีช่วยแก้วิกฤต อาทิ การใช้ voice recognition ทางโทรศัพท์สำหรับผู้ที่หายใจไม่สะดวก
2.2 รมว. สาธารณสุขฝรั่งเศส แถลงว่า ฝรั่งเศสจะปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่ให้ทำการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังสิ้นสุดมาตรการห้ามออกจากที่พัก และว่ายังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าจะบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พักนานเท่าใด โดยสภาผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์ (Le Conseil scientifique) เห็นว่าควรมีระยะ 6 สัปดาห์แต่ก็เป็นเพียงการประมาณการเท่านั้นซึ่งยังต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ ด้วย ทั้งนี้ จะสามารถยกเลิกมาตราการห้ามออกจากที่พักได้ก็ต่อเมื่อมีอัตราผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ลดลงเท่านั้น
2.3 อธิบดีกรมสาธารณสุขฝรั่งเศสแถลงว่า ปัจจุบันสามารถตรวจการติดเชื้อได้วันละ 9,000 ครั้ง และกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจและว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจให้เพิ่มจำนวนเตียงผู้ป่วยอาการวิฤตที่มีเครื่องช่วยพยุงชีวิต (reanimation) เตียงรักษาแบบ intensive และเตียงรักษาผู้ป่วยอาการหนัก ทั้งใน รพ. รัฐและเอกชน โดยตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ได้สั่งการให้ยกเลิกการผ่าตัดที่ไม่จำเป็นแล้ว และได้ปรับเตียงประเภทอื่น ๆ ให้สามารถให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส covid-19 ได้ รวมทั้งมีการแบ่งปันอุปกรณ์ทางการแพทย์ระหว่าง รพ. จนถึงขณะนี้ มีเตียง reanimation จำนวน 8,000 เตียงแล้ว
นอกจากนั้น จะได้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากพื้นที่ที่มีผู้ป่วยจำนวนมากไปยังพื้นที่ที่มีผู้ป่วยน้อยกว่า โดยนอกจากกองทัพจะช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก Mulhouse และ Corse โดยเครื่องบิน Morphée และเรือ Le Tonnerre แล้ว SNCF จะให้ความช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจำนวน 20 ราย โดยรถไฟความเร็วสูงตั้งแต่วันพรุ่งนี้ จาก Strasbourg ไปยัง Pays de la Loire (รพ เมือง Anger, Nantes, Le Mans, La Roche sur Yon)
3. สถานการณ์สำคัญในฝรั่งเศส
3.1 เมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค.2563 นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่อง TF1 ว่า รัฐบาลต้องขยายระยะเวลาของมาตรการห้ามออกจากที่พัก (แต่ยังไม่ได้ระบุระยะเวลา) และจะเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการมากยิ่งขึ้น ได้แก่
– การออกจากที่พักเพื่อออกกำลังกายจะสามารถกระทำได้ไม่เกิน 1 กม. ห่างจากที่พัก ไม่เกินวันละ 1 ครั้ง และต้องเป็นการออกกำลังกายโดยลำพัง
– ให้ปิดตลาดในพื้นที่เปิดทั้งหมด (outdoor market ซึ่งรวมถึงตลาดที่มีหลังคาปกคลุม แต่ไม่สามารถจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการได้) เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นจากผู้ว่าราชการจังหวัด
– การออกจากที่พักด้วยเหตุผลด้านสุขภาพจะสามารถกระทำได้เพียงในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินทางสุขภาพ หรือตามใบนัดของแพทย์เท่านั้น (อาทิ กรณีต้องเดินทางไปฟอกไตเป็นประจำ)โดยมาตรการต่าง ๆ นี้จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.2563 เป็นต้นไป
3.2 เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2563 ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คกก.ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์และวิจัย (Comité analyse recherche et expertise-CARE) เพื่อให้คำแนะนำแก่รัฐบาลเกี่ยวกับการรักษาและการตรวจการติดเชื้อไวรัส covid-19 ประกอบด้วยนักวิจัยและแพทย์จำนวน 12 รายโดยมีนาง Françoise Barré-Sinoussi ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับรางวัล Nobel ด้านการแพทย์ (การค้นพบไวรัสโรคเอดส์) เมื่อปี 2551 เป็นประธาน โดย คกก. จะปฏิบัติหน้าที่ที่ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส
3.3 รมว.เศรษฐกิจและการคลังฝรั่งเศสเรียกร้องให้กลุ่มผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารรายใหญ่หันมาซื้อผลิตผลและผลิตภัณฑ์อาหารจากเกษตรกรฝรั่งเศสเพื่อช่วยลดผลกระทบจากมาตรการปิดตลาดตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. เพื่อเป็นการแสดง “economic patriotism” และว่า วิกฤตทางเศรษฐกิจครั้งนี้เทียบได้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 1929 หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสใน ปี 2563 และยิ่งมีมาตรการห้ามออกจากที่พักและปิดร้านค้านานขึ้นเท่าใด ก็จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
3.4 รัฐบาลฝรั่งเศสได้ออกกฤษฏีกา ที่ 2020-293 ลงวันที่ 23 มี.ค. 2563 ปรับปรุงและรวบรวมมาตรการจำเป็นเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ในบริบทของความเร่งด่วนด้านสาธารณสุข สรุปได้ดังนี้
(1) ห้ามผู้ใดออกจากที่พัก จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563 ยกเว้นในกรณี ดังต่อไปนี้
– การเดินทางระหว่างที่พักและที่ทำงาน และการเดินทางเกี่ยวกับการทำงานซึ่งไม่อาจเลื่อนออกไปได้
– การเดินทางไปซื้อของและอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพและการซื้อสินค้าจำเป็นจากร้านค้าที่ได้รับอนุญาตให้เปิดทำการ
– การเดินทางด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ยกเว้นการปรึกษาแพทย์และการรักษาที่สามารถกระทำได้โดยทางไกล แต่ยังคงอนุญาตให้ออกจากที่พักกรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรังซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาและนัดหมายแพทย์ที่ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้
– การเดินทางด้วยเหตุผลจำเป็นด้านครอบครัว เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้และเพื่อรับบุตรมาดูแล
– การเดินทางจากที่พักระยะสั้น เป็นเวลาไม่เกิน 1 ชม. ต่อวันและภายในระยะทางไม่เกิน 1 กม. จากที่พัก โดยเป็นการออกจากที่พักเพื่อออกกำลังกายเพียงลำพัง หรือเป็นการเดินเล่นพร้อมกับสมาชิกครอบครัวที่พักอาศัยที่เดียวกัน หรือเพื่อให้สัตว์เลี้ยงสามารถทำธุระได้
– การเดินทางไปพบ จนท. ตร. หรือสถานที่อื่นใดตามคำสั่งของ จนท. ตร. หรือหน่วยงานด้านยุติธรรม
– การเดินทางตามหมายศาล
– การเดินทางเพื่อร่วมกิจกรรมเพื่อส่วนรวมตามคำขอของหน่วยงานของรัฐและตามเงื่อนไขที่หน่วยงานกำหนด
โดยผู้ที่เดินทางออกจากที่พักจะต้องมีเอกสารรับรองเหตุผลการเดินทางออกจากที่พักตามข้อยกเว้นข้างต้น ทั้งนี้ จังหวัดต่าง ๆ สามารถออกมาตรการที่จำกัดการเดินทางมากกว่านี้ได้หากมีความจำเป็นตามแต่ละพื้นที่
(2) ห้ามเรือบรรทุกผู้โดยสารมากกว่า 100 คน เทียบท่าหรือหยุดจอดในน่านน้ำฝรั่งเศสและเขตแดนโพ้นทะเลทั้งหมด ถึงวันที่ 15 เม.ย.2563 ยกเว้นได้รับอนุญาต
(3) ห้ามการโดยสารโดยเครื่องบินจากฝรั่งเศส Metropolitain ไปยังเขต/ดินแดนโพ้นทะเล หรือระหว่างเขต/ดินแดนโพ้นทะเล จนถึงวันที่ 15 เม.ย. 2563 ยกเว้นกรณีมีเหตุผลจำเป็นส่วนตนหรือเหตุผลเกี่ยวกับครอบครัว เหตุผลด้านสุขภาพที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และเหตุผลเกี่ยวกับหน้าที่การงานซึ่งไม่อาจเลื่อนออกไปได้ โดยต้องแสดงเอกสารรับรองเหตุผลดังกล่าวก่อนขึ้นเครื่อง
(4) ให้ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งหมดทำความสะอาดฆ่าเชื้อยานพาหนะอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และให้เว้นระยะห่างระหว่างพนักงานขับกับผู้โดยสารอย่างน้อย 1 เมตร และให้ผู้โดยสารขึ้นรถจากประตูด้านหลัง (หากมีหลายประตู) เว้นแต่สามารถเว้นระยะห่าง 1 เมตร กับพนักงานขับได้ รวมถึงการเว้นระยะห่าง 1 เมตร ระหว่างผู้โดยสารด้วยกันนอกจากนี้ ให้ระงับการขายบัตรโดยสารบนยานพาหนะ
(5) ให้ บ. รถบรรทุกขนส่งสินค้าเคารพแนวปฎิบัติด้านสาธารณสุขโดยต้องจัดหาที่ล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่จัด load/unload สินค้าด้วย และให้รับ-ส่งสินค้าโดยไม่ต้องมีการสัมผัสกัน โดยส่งสินค้าไว้ที่บริเวณที่นัดหมายหรือหน้าประตูทางเข้าโดยไม่ต้องมีลายเซ็นต์ของผู้รับ
(6) ห้ามมิให้ผู้โดยสารรถแท็กซี่ รวมทั้งผู้ใช้บริการคนขับรถประเภทอื่นใดนั่งข้างพนักงานขับรถ แต่สามารถนั่งข้างหลังพนักงานขับรถได้หลายคน โดยจะต้องมีการถ่ายเทอากาศในรถยนต์อย่างต่อเนื่องและพนักงานขับรถต้องทำความสะอาดฆ่าเชื้อรถยนต์อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ พนักงานขับรถสามารถปฏิเสธการรับผู้โดยสารที่มีอาการติดเชื้อไวรัส covid-1 ได้
(7) ห้ามการชุมนุมใด ๆ มากกว่า 100 คน ทั้งในพื้นที่ปิดและพื้นที่เปิด จนถึงวันที่ 15 เม.ย. 2563 เว้นแต่การชุมนุมที่มีความจำเป็นต่อประเทศโดยหน่วยงานท้องถิ่นสามารถออกมาตรการที่เคร่งครัดมากกว่านี้ได้หากมีความจำเป็นในพื้นที่
(8) ห้ามมิให้สถานที่ดังต่อไปนี้รับผู้ใช้บริการจนถึงวันที่ 15 เม.ย. 2563 ได้แก่ ห้อง ปช./สัมมนา ห้องจัดการแสดง ห้องอเนกประสงค์ (ยกเว้นห้องพิจารณคดีของศาล) ร้านค้าและศูนย์การค้า (เว้นแต่การขายแบบ take away/delivery และตามที่ได้เคยประกาศยกเว้นให้ทำการได้) ร้านอาหารและบาร์ (ยกเว้นการขายแบบ take away/delivery บริการ room service ของ รร. และโรงอาหารที่ยังอยู่ภายใต้สัญญา) ห้องเต้นรำและห้องสันทนาการ ห้องสมุดและศูนย์เก็บเอกสาร ห้องแสดงสินค้า สถานที่เล่นกีฬาแบบ indoor พิพิธภัณฑ์ เต้นท์ สถานที่ให้บริการ outdoor สถานศึกษาและอบรม ตลาด (เว้นได้รับอนุญาตตามพื้นที่) สถานกีฬาตามประมวล ก. กีฬา มาตรา L. 322-1 และ L. 322-2 ส่วนสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสามารถเปิดได้ แต่ไม่อนุญาตให้มีการชุมนุมใด ๆ เว้นแต่กรณีงานศพ ซึ่งอนุญาตให้มีคนเข้าร่วมได้ไม่เกิน 20 คน
(9) ปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก (ยกเว้นกรณีรับเด็กต่ำกว่า 10 คน) และสถานศึกษาทั้งหมดถึงวันที่ 29 มี.ค. (ยกเว้นสำหรับบุตรอายุต่ำกว่า 16 ปีของบุคลากรทางการแพทย์ ให้มีสถานที่รองรับในสถานศึกษาได้) และให้ระงับการสอบทั้งหมดในสถานศึกษา เว้นแต่จะสามารถดำเนินการได้โดยทางไกล
(10) กำหนดราคาขายปลีกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ (ตามที่ ก. ศก. และการคลังได้เคยกำหนดไว้แล้ว) และราคาขายส่งไว้ที่ 30 ยูโร/ลิตร สำหรับ 50 มล. หรือน้อยกว่า 20 ยูโร/ลิตร สำหรับ 50-100 มล. 10 ยูโร/ลิตร สำหรับ 100-300 มล. 8 ยูโร/ลิตร สำหรับ 300 มล. ขึ้นไป (ราคายังไม่รวมภาษี)
(11) รัฐบาลเรียกเก็บหน้ากากอนามัยประเภท FFP2, FFP3, N95, N99, N100, P95, P99, P100, R95, R99, R100 จากนิติบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ รวมทั้งหน้ากากประเภท EN 14683 และหน้ากากประเภทข้างต้นที่อยู่ระหว่างการผลิตในขณะนี้จนถึงสิ้นสุดภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข สำหรับหน้ากากอนามัยนำเข้า นั้น รัฐบาลสามารถเรียกเก็บได้ทั้งหมดหรือบางส่วนหากมีการนำเข้าเกิน 5 ล้านชิ้นต่อไตรมาสต่อนิติบุคคล