สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ขอสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.วันจันทร์ที่ 6 เม.ย.2563 (สถานะเวลา 14.00 น.)
– ยอดผู้ป่วยติดเชื้อจากการตรวจ Test PCR จำนวน 74,390 (เพิ่มขึ้น 3,912 ราย) และที่บ้านพักคนชรา 23,620 ราย (เพิ่มขึ้น 1,259 ราย) รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 98,010 ราย (เพิ่มขึ้น 5,171 ราย)
– รักษาอยู่ที่ รพ. 29,722 ราย (เพิ่มขึ้น 831 ราย) และรักษาหายออกจาก รพ. แล้ว 17,250 ราย (เพิ่มขึ้น 1,067 ราย)
– อาการหนัก 7,072 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 478 ราย
– เสียชีวิตที่ รพ. 6,494 ราย (เพิ่มขึ้น 605 ราย) และเสียชีวิตที่บ้านพักคนชรา 2,417 ราย (เพิ่มขึ้น 228 ราย) รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 8,911 ราย (เพิ่มขึ้น 833 ราย)
2. รมว.สาธารณสุขได้แถลงสรุปสถานการณ์ประจำวัน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
– รัฐบาลจะระงับแผนการปรับโครงสร้างบุคลากรทางการแพทย์ หรือโครงการอื่นในด้านสาธารณสุขที่เคยได้พิจารณาก่อนหน้านี้ออกไปก่อน (อาทิ แผนปรับลดจำนวนแพทย์และพยาบาล) เนื่องจากปัจจุบัน ได้เห็นถึงความจำเป็นในการปฏิรูปการบริหารจัดการระบบสาธารณสุขใหม่ทั้งหมด และจำเป็นต้องรอการประเมินผลต่าง ๆ หลังผ่านวิกฤตทางสาธารณสุขในครั้งนี้ก่อน
– ขอให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องรักษาเร่งด่วนให้ติดต่อแพทย์เพื่อทำการรักษา อาทิ การฉีดวัคซีน การตรวจสอบโรคมะเร็ง และการรักษาโรคเรื้อรังอื่น ๆ และขอให้แพทย์ติดตามคนไข้ที่มีกำหนดนัดหมายสำคัญให้ไปพบแพทย์ตามนัดหมายด้วย
– ปัจจุบัน มีบ้านพักคนชราจำนวน 2 ใน 3 จากทั้งหมดที่ยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีนโยบายที่จะตรวจการติดเชื้อไวรัสฯ ของผู้สูงอายุและบุคลากรทั้งหมดในบ้านพักคนชราหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อ (แม้เพียง 1 ราย)ในบ้านพักคนชราแห่งนั้น
3. สถานการณ์สำคัญในฝรั่งเศส
3.1 ผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ : เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2563 รมว. เศรษฐกิจและการคลังฝรั่งเศสได้แจ้งต่อ คมธ. เศรษฐกิจวุฒิสภา ว่า ฝรั่งเศสจะอยู่ในภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง โดยคาดว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะติดลบต่ำกว่าร้อยละ 2.2 ซึ่งเป็นอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของปี 2552 ในช่วงหลังวิกฤติทางการเงินครั้งใหญ่เมื่อปี 2551 และแจ้งว่าตนเห็นชอบต่อการจัดตั้งกลไกประกันภัยสำหรับภัยพิบัติทางสาธารณสุขตามที่ บ. ประกันภัย AXA ได้เสนอ แต่จะเป็นการประกันภัยสำหรับกรณีภัยพิบัติทางสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น ไม่สามารถครอบคลุมวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ในปัจจุบันได้
3.2 มาตรการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ (เพิ่มเติม):
(1) นอกจากมาตรการพักงานพนักงานโดยยังได้รับเงินเดือนอยู่ (chômage partiel) แล้ว ก.แรงงานได้ออกมาตรการเพิ่มเติมให้บริษัทสามารถยืมตัวพนักงานระหว่างกันได้ ในกรณีที่ บ. หนึ่งมีกิจกรรมลดลงเป็นอย่างมาก แต่อีก บ. มีความต้องการแรงงาน ก็จะสามารถขอยืมตัวพนักงานของอีก บ. ได้ชั่วคราว ซึ่งจะต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสามฝ่าย (พนักงานและ บ. ทั้งสอง) โดย บ. แรกจ่ายเงินเดือนเต็มจำนวนให้แก่พนักงาน และ บ. ที่ยืมตัวพนักงานจะโอนเงินเดือนดังกล่าวคืนให้แก่ บ. แรก ซึ่งจะเป็นการบรรเทาภาระ งปม. ของรัฐจากมาตรการ chômage partiel ด้วย นอกจากนี้ พนักงานที่กำลังถูกพักงานยังสามารถทำงานในอีก บ.ในลักษณะสัญญาจ้างงานแบบมีกำหนดระยะเวลา (contrat à durée déterminée-CDD) ด้วย โดยจะต้องแจ้งนายจ้างปัจจุบันให้ทราบ และสามารถได้รับทั้งเงินชดเชยจาก บ. แรก (จากมาตรการ chômage partiel)และเงินเดือนจากงานใหม่
(2) รมว. ก. งบประมาณแผ่นดิน (ministre des Comptes publics) ประกาศเลื่อนการจัดเก็บภาษีโทรทัศน์ (la contribution à l’audiovisuel public หรือ la redevance audiovisuelle) สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมตามคำขอของหอการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งโดยปกติโรงแรมจะต้องชำระภาษีดังกล่าวตามจำนวนโทรทัศน์ที่มีอยู่จริงในอัตราเครื่องละ 138 ยูโร (ตั้งแต่เครื่องที่ 3 – 30 เครื่องละ 96.60 ยูโร และเครื่องที่ 31 เป็นต้นไป เครื่องละ 89.70 ยูโร) และหากเป็นเครื่องโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่บริเวณที่มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาษีเพิ่มเป็นเครื่องละ 552 ยูโร (ตั้งแต่เครื่องที่ 3 – 30 เครื่องละ 386.40 ยูโร และเครื่องที่ 31 เป็นต้นไป เครื่องละ 358.80 ยูโร) โดยจะได้รับการลดหย่อนภาษีร้อยละ 25 สำหรับโรงแรมที่เปิดทำการตามฤดูกาลปีละไม่เกิน 9 เดือน
3.3 ก.มหาดไทยฝรั่งเศสรายงานว่า ในเดือน มี.ค. อัตราการก่ออาชญากรรมลดลงเฉลี่ยถึงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. เนื่องมาจากการบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พัก โดยการขโมยโดยไม่ใช้ความรุนแรงลดลงถึงร้อยละ 51 การขโมยด้วยความรุนแรงแต่ไม่ได้ใช้อาวุธลดลงร้อยละ 45 การขโมยตามที่พักอาศัยลดลงร้อยละ 44 การขโมยโดยใช้อาวุธลดลงร้อยละ 43 การขโมยรถยนต์ลดลงร้อยละ 37 การทำลายทรัพย์สินผู้อื่นลดลงร้อยละ 43 และการฉ้อโกงลดลงร้อยละ 46 อย่างไรก็ตาม อัตราดังกล่าวอาจมิได้สะท้อนถึงการลดลงของอาชญากรรมอย่างแท้จริงเนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าประชาชนอาจเลี่ยงที่จะออกจากที่พักเพื่อไปแจ้งความต่อ จนท. ตร.และมีอาชญากรรมบางประเภทที่ไม่สามารถกระทำได้หากมิได้ออกจากที่พัก ในขณะที่มีอาชญากรรมประเภทอื่นเพิ่มขึ้น เช่น การทำร้ายร่างกายคู่สมรสซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32