สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ขอสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (Covid-19) ในฝรั่งเศส ดังนี้
1.วันอังคารที่ 7 เม.ย.2563
– ยอดผู้ป่วยติดเชื้อจากการตรวจ Test PCR จำนวน 78,167 ราย
(เพิ่มขึ้น 3,777 ราย) และที่บ้านพักคนชรา 30,902 ราย (เพิ่มขึ้น 7,282ราย) รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 109,069 ราย (เพิ่มขึ้น 11,059 ราย)
– รักษาอยู่ที่ รพ. 30,000 ราย (เพิ่มขึ้น 278 ราย) และรักษาหายออกจาก รพ. แล้ว 19,337 ราย (เพิ่มขึ้น 2,087 ราย)
– อาการหนัก 7,131 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 518 ราย ร้อยละ 34 อายุน้อยกว่า 60 ปี และร้อยละ 61 อายุระหว่าง 60 – 80 ปี และมี 104 รายที่อายุน้อยกว่า 30 ปี
– เสียชีวิตที่ รพ. 7,091 ราย (เพิ่มขึ้น 597 ราย) และเสียชีวิตที่บ้านพักคนชรา 3,237 ราย (เพิ่มขึ้น 820 ราย) รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 10,328 ราย (เพิ่มขึ้น 1,417 ราย)
*หมายเหตุ : ข้อมูลบ้านพักคนชราที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากได้รับข้อมูลจากบ้านพักคนชราจำนวนหลายแห่งมากขึ้น มิใช่จำนวนที่เพิ่มขึ้นภายใน 24 ชม.
อัตราผู้เสียชีวิตระหว่างวันที่ 23 – 28 มี.ค.(สัปดาห์ที่ 13 ของปี) เพิ่มมากกว่าปกติเป็นร้อยละ 30 โดยพบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่สุดใน 6 แคว้น ได้แก่ Grand Est, Île de France, Hauts de France, Bourgogne Franche – Comté, Centre Val de Loire และ Auvergne Rhône-Alpes และสัปดาห์ที่ 14 ของปี ในแคว้น Île de France, Grand Est และ Bourgogne Franche-Comté และ จ. Haut-Rhin, Paris, Seine-Saint-Denis และ Val d’Oise มีอัตราผู้เสียชีวิตเพิ่มมากกว่าปกติสูงที่สุดในปัจจุบัน
2. เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 เม.ย.2563 ประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เดินทางไปเยือนศูนย์สาธารณสุข (Maison de santé) เมือง Pantin จ. Seine-Saint-Denis และศูนย์ดำเนินการด้านสังคมประจำเมือง La Courneuve (Centre Communal d’Action Social) ซึ่งรับผิดชอบการดูแลผู้สูงอายุที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ เพื่อให้กำลังใจ จนท. และเป็นโอกาสได้หารือกับ จนท. ปฏิบัติงานประจำศูนย์ โดยเฉพาะเกี่ยวกับประเด็นการขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดย จ. Seine-Saint-Denis เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ มากที่สุดใน ฝรั่งเศสและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ประธานาธิบดีได้กล่าวขอบคุณประชาชนใน จ. Seine-Saint-Denis ที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการห้ามออกจากที่พักเป็นอย่างดี และได้ย้ำให้ผู้ที่มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรังอย่าเลื่อนการปรึกษาแพทย์ในช่วงนี้โดยยังสามารถปรึกษาแพทย์ทางไกลได้
3. สถานการณ์สำคัญในฝรั่งเศส
3.1 เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 เม.ย.2563 นรม. ฝรั่งเศสได้กล่าวต่อสภาผู้แทนราษฏรว่า จะยังคงต้องบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พักต่อไปอีกและเห็นว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะถกเกี่ยวกับเงื่อนไขของการยกเลิกมาตรการฯ ทั้งนี้ มีผู้ที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับมาตรการห้ามออกจากที่พัก อาทิ
(1) รมว.สาธารณสุขได้ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่อง BFM ว่า ปัจจุบัน ฝรั่งเศสยังอยู่ในภาวะของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ อย่างกว้างขวางโดยมีการชะลอจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยอาการหนักลงบ้างเนื่องมาจากการบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พัก แต่ยังไม่อยู่ในช่วง “ขาลง” ของการแพร่ระบาด และในชั้นนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ครบถ้วนเพื่อประกอบการตัดสินใจของประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีว่าจะขยายระยะเวลาในการบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พักหรือไม่อย่างไร
รมว.สาธารณสุขได้แจ้งด้วยว่า ไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างปริมาณหน้ากากอนามัยและ test kit กับการยกเลิกการบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พัก โดยรัฐบาลกำลังศึกษาข้อมูลและตัวอย่างแนวปฏิบัติของประเทศอื่น ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ซึ่งรวมถึงการใช้ระบบ tracking และการให้ประชาชนสวมหน้ากาก ขณะนี้ ทางการฝรั่งเศสได้เริ่มให้มีการผลิต test ตรวจสอบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัส covid-19 (test de sérologie) อย่างกว้างขวางแล้ว แต่ในชั้นนี้ยังไม่มีผลการทดลองยารักษาที่แสดงถึงประสิทธิภาพของยาตัวใดตัวหนึ่งมากกว่าตัวอื่น ๆ
(2) นาย Jean-François Delfraissy ปธ. สภาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเชื้อไวรัส covid-19 (Conseil scientifique covid-19) ซึ่งมีหน้าที่ให้ความเห็นต่อรัฐบาลเกี่ยวกับการบริหารจัดการวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ให้ความเห็นว่า แม้ว่าการห้ามออกจากที่พักจะเป็นสิ่งฝืนธรรมชาติและทำได้ยาก แต่ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องห้ามมิให้ประชาชนออกจากที่พักต่อไปอีกหลายสัปดาห์ ซึ่งอาจถึงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งในชั้นนี้ยังไม่สามารถกำหนดชัดเจนได้ ทั้งนี้ มาตรการห้ามออกจากที่พักมีวัตถุประสงค์ทั้งเพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ และเพื่อลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องรักษาในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่ง รพ.ในฝรั่งเศสจะยังคงต้องรับมือกับผู้ป่วยอีกจำนวนมากในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้
(3) สภาแพทย์แห่งชาติฝรั่งเศส (l’Académie nationale de médecine)ให้ความเห็นว่า หากมีการพิจารณายกเลิกการบังคับใช้มาตรการห้ามออกจากที่พัก ก็ควรพิจารณายกเลิกเป็นรายแคว้น มากกว่าการยกเลิกสำหรับประชาชนบางกลุ่มอายุ โดยหากมีจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาที่ รพ. และจำนวนผู้ป่วยอาการหนักเท่ากับช่วงก่อนมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ก็สามารถยกเลิกมาตรการฯในแคว้นนั้นได้ ทั้งนี้ จะต้องห้ามมิให้ประชาชนในแคว้นที่ยกเลิกมาตรการฯ แล้วเดินทางไปยังแคว้นอื่นที่ยังมิได้ยกเลิกมาตรการฯ และยังคงต้องห้ามการชุมนุมและต้องปฏิบัติตามแนวปฏิบัติทางสาธารณสุขโดยอาจพิจารณาให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันละอองน้ำลายเพิ่มเติมด้วยจนถึง 14 วันหลังไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อรายใหม่ พร้อมทั้งเห็นว่า ควรมีการตรวจสอบภูมิคุ้มกันของประชาชนอย่างกว้างขวางเพื่อสามารถคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ของการแพร่ระบาดในรอบที่สองด้วย
3.2 นายกเทศมนตรีหลายเมืองในฝรั่งเศสได้เริ่มประกาศมาตรการที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น อาทิ การจำกัดช่วงเวลาของการออกจากที่พักเพื่อการออกกำลังกาย (กรุงปารีสไม่อนุญาตให้ออกจากที่พักเพื่อออกกำลังกาย ระหว่างเวลา 10.00 – 19.00 น. ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. และเมือง Nice อนุญาตให้ออกจากที่พักไปออกกำลังกายได้เฉพาะเวลา 06.00 – 12.00 น. และ 18.00 – 20.00 น.) และมีการกำหนดให้สวมหน้ากากหรือปกปิดปากและจมูกโดยวัสดุอื่น ๆ ระหว่างการออกจากที่พัก เช่น เมือง Sceaux จ. Hauts-de-Seine จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. ขณะที่เมือง Nice, Cannes และ Bordeaux กำลังเร่งกำลังผลิต “หน้ากากทางเลือก” ซึ่งสามารถซักทำความสะอาดได้เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนอย่างเพียงพอก่อนเริ่มบังคับใช้มาตรการดังกล่าว
3.3 สายการบิน Air France ต้องระงับเที่ยวบินคาร์โก้ขนส่งหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์จากนครเซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 5 – 6 เม.ย. เนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางการจีนได้ตรวจพบว่าหนึ่งในนักบินของสายการบินฯ ติดเชื้อไวรัส Covid-19 จึงต้องแยกกักตัวที่ศูนย์การแพทย์แห่งหนึ่งในจีน โดยสายการบินฯ กำลังเร่งหารือกับทางการจีนและสถานกงสุลใหญ่ฝรั่งเศส ณ นครเซี่ยงไฮ้ เพื่ออพยพนักบินกลับฝรั่งเศส และเพื่อหาทางออกสำหรับการดำเนินการส่งหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ทางการแพทย์มายังฝรั่งเศส ทั้งนี้ สายการบิน Air France ได้ทำการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์จากจีนตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มี.ค. มาแล้ว 4 เที่ยวบิน (โดยเครื่องบิน Boeing 777)
3.4 นาย Olivier Bogillot ผจก. บ. Sanofi France แจ้งว่า บริษัทฯ พร้อมแจกจ่ายยา hydroxychloroquine ให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดราคาหากผลการทดลองชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของยาตัวนี้ อย่างไรก็ตาม คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 18-24 เดือน เป็นอย่างน้อยก่อนที่จะมีวัคซีนเนื่องจากมีขั้นตอนการทดสอบความปลอดภัยของวัคซีนอย่างรอบคอบก่อนที่จะสามารถนำมาใช้กับประชาชนทั่วไป